GISTDA ร่วมมือพหุภาคีด้านอวกาศระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนในเวทีการประชุมเสวนา APSCO Leadership Development Forum (LDF) ครั้งที่ 3

องค์การด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Space Cooperation Organization: APSCO) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะประเทศเจ้าภาพการจัดการประชุมเสวนา APSCO Leadership Development Forum (LDF) ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “Empowering Space Industry and Collaborating for a Thriving Space Economy for Developing Countries” ซึ่งถูกจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1–3 ธันวาคม 2568 ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนากิจการอวกาศ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคีด้านอวกาศระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) หรือ GISTDA เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพหุภาคีที่สำคัญในภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทางด้านเทคโนโลยี องค์ความรู้ แหล่งทุน และสร้างเครือข่ายให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศ รวมทั้งทาง ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ เนียมหมวด รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ร่วมเป็นวิทยากรใน Thematic Session หัวข้อ “Trends in the Space Economy: Catalyst for Growth and Innovation” ในวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2568 แสดงวิสัยทัศน์ในความร่วมมือด้านอวกาศเชิงยุทธศาสตร์ โดยเน้นเรื่อง China-Thailand Strategic Cooperation: Proliferation of Satellite Constellations for the Regional Sustainabilityความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์จีน-ไทย ในการใช้ข้อมูลดาวเทียม การขยายกลุ่มดาวเทียมให้มีความยั่งยืนในภูมิภาค เพื่อแก้ไขปัญหาของ PM 2.5 และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง

และสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศ (สศอ.) ภายใต้การดูแลของ GISTDA ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการด้านเศรษฐกิจอวกาศที่นำแบบจำลองของดาวเทียม ธีออส-2เอ (THEOS-2A) และ ธีออส-3 (THEOS-3) มาร่วมจัดแสดงภายในงาน ซึ่งเป็นดาวเทียมปฏิบัติการที่สามารถบันทึกภาพรายละเอียดสูง เพื่อการใช้งานด้านการติดตามพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ งานด้านความมั่นคง และการบริหารจัดการเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ในภาวะวิกฤต จะมีการผลิตชิ้นส่วนจากผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยอาศัยการถ่ายทอดองค์ความรู้มาตรฐานการผลิตวัสดุแบบ Space-grade หรือตามมาตรฐานเพื่อรองรับภารกิจสำรวจอวกาศ โดยศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ หรือ AIT ในอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี  ไปสู่การพัฒนาบุคลากรในวงการ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรม เสริมสร้างให้คนในประเทศมีองค์ความรู้ ต่อยอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านโครงการอบรม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยกระดับอุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในประเทศเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตดาวเทียม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาและสร้างดาวเทียมได้เองในประเทศ ทั้งหมดนี้ต่อยอดไปสู่การพัฒนาทั้งระบบนิเวศของอุตสาหกรรมมาใช้ประโยชน์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน